วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556


หลักการ The Function Complex   กับการออกแบบผลิตภัณฑ์  ECO Design   

                    The Function Complex   มาจากปัจจัยของการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่นักออกแบบต้องคำนึงถึงนั่นเอง  แสดงความเชื่อมโยงการออกแบบผลิตภัณฑ์ หัวใจสำคัญคือ ประโยชน์ใช้สอย (Function)  ต้องมาเป็นสิ่งแรก แต่ประโยชน์ใช้สอย (Function)  ก็ต้องอาศัยปัจจัยข้ออื่นๆ ช่วยเสริมความสมบรูณ์ของหน้าที่ แค่ละข้อของตัวมันเอง    โดยเริ่มความจำเป็น (Needs) เป็นต้นมา   
                  แนวคิดในการออกแบบผลิตภัณฑ์  ECO Design   ก็คงจะคล้ายๆ กับหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ทั่วๆไป  ผสมเข้ากับกระแสในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน  โดยให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการมีส่วนร่วม  ในการช่วยลดภาวะโลกร้อน เหมือนอย่างเช่นงานออกแบบบรรจุภัณฑ์เคยใช้ได้ผลมาแล้ว   ในเรื่องของ บรรจุภัณฑ์แบบเติม (Refill) ซึ่งก็ได้ทั้งการ Reduce คือลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ฟุ่มเฟือย    เท่ากับลดปริมาณขยะ   กับ Reuse คือให้ใช้บรรจุภัณฑ์ตัวหลักซ้ำโดยการซื้อมาเติม แทนที่     แต่กว่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคได้ก็ต้องใช้เวลาหลายปี        ดังได้กล่าวไว้แล้วว่าสิ่งที่หลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องคำนึงเป็นอันดับแรกคือ ประโยชน์ใช้สอย  (Function)     ก็จะใช้ Function ของผลิตภัณฑ์ ECO Design     เป็นแกนหลักในการคิดการออกแบบออก  มาด้วยการประยุกต์ใช้  The Function Complex     
(แบบจำลอง The Function Complex อ้างอิงจาก  วัชรินทร์  จรุงจิตสุนทร. หลักการและแนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์ : กรุงเทพฯ แอ๊ปป้า พริ้นติ้งกรุ๊ป จำกัด ,2548 )     
 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันระหว่า ง Function ของผลิตภัณฑ์ ECO Design     กับปัจจัยด้านอื่นๆ ที่สัมพันธ์กัน  เพื่อเป็นกรณีศึกษาในเชิง ทฤษฏีเป็นภาพกว้าง  ของการออกแบบผลิตภัณฑ์ 
ภาพที่ 1  eco shower drop ฝักบัวตลับเมตร  สามารถบันทึกปริมาณการอาบน้ำของคุณ ว่าใช้น้ำปริมาณกี่ลิตร  ต่อครั้งจะหาค่าเฉลี่ยให้ในแต่ละบ้าน เพื่อความเหมาะสม และที่สำคัญ จะบอกค่าน้ำที่ใช้อาบด้วยว่าเป็นเงินเท่าไร  โดยผู้ใช้ต้องตั้งค่าราคาน้ำต่อลิตรก่อน
ภาพที่ 2  Jar solar light  นำแสงแดดมาไว้ในโถแก้ว    โถแก้วมีแบตเตอรี่ และไฟ LED ใต้ฝา จะสามารถเก็บพลังงานแสงแดดในเวลากลางวัน เมื่อเริ่มมืด โถนี้จะเริ่มเรืองแสงมีทั้ง แสงสีส้ม และสีฟ้า  อยู่นานถึง 5 ชั่วโมง สถานที่ ที่ไม่ต้องการแสงไม่มาก
ภาพที่ 3  นาฬิกา จากพลังน้ำ Multi function  ทำงานด้วย น้ำ H20 พลังแบตเตอรี่  ด้วยระบบดิจิตอลมี function พร้อมสมบรูณ์
ภาพที่ 4  ราวตากผ้าในบ้าน กรณี ฝนตก พื้นที่จำกัด ไม่มีพื้นที่ตากผ้า สามารถชักรอกขึ้นไปตากด้านบนเพดานได้   ติดตั้งง่ายสะดวก
ภาพที่ 5  cool cap หมวกมีพัดลมเย็น จากพลังงานแสงอาทิตย์ พัดไล่ความร้อน ช่วยไม่ให้ เหงื่อไหลลงมาที่หน้าผาก เหมาะสำหรับ พ่อครัวหน้าเตา  แสงแดดยิ่งจัด พัดลมยิ่งหมุนแรงขึ้น

               1.ความจำเป็น (Needs)    ทุกคนในโลกใบนี้ล้วนแต่ประสบผลของภาวะโลกร้อน (Global warming ) โลกกำลังเผชิญกับปัญหาที่ชั้นบรรยากาศของโลกกลับหนาขึ้น  เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ที่มนุษย์เป็นผู้ก่อ  เมื่อชั้นบรรยากาศหนาขึ้น  จะกักเก็บรังสีอินฟราเรดซึ่งควรจะหลุดลอดไปสู่ห้วงอวกาศ  ผลที่ตามมา  คืออุณหภูมิของบรรยากาศโลก  และมหาสมุทร  กลับร้อนขึ้นจนอยู่ในระดับอันตราย  มนุษย์ควรต้องลดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ   ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และไม่ปล่อยก๊าซดังกล่าว
              2.จุดมุ่งหมาย (Telesis)   การออกแบบผลิตภัณฑ์ Eco Design  มีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ ในด้านของพลังงานสะอาด   , การลดความสิ้นเปลืองของพลังงาน  ,   กระบวนการของ 4R  ,  การไม่ก่อมลภาวะของผลิตภัณฑ์ ,  ฯต่อผู้บริโภคในการใช้สอยในชีวิตประจำวัน

ภาพที่ 6  Foot operated สำหรับลดขนาดขยะที่เป็นกระป๋อง ด้วยการบด หรือกดด้วยเท้าเหยียบ จะสามารถลดขนาดกระป๋องได้1 ใน 3 ของขนาดกระป๋องเดิม เพื่อลดพื้นที่ของขยะ
 ภาพที่ 7  สวนผักสมุนไพรอินทรีย์ของตนเอง ปลูกได้ในบ้าน จำหน่ายในถุงบรรจุเสร็จ มีดิน ปุ๋ยสูตรพิเศษแค่ฉีกถุง วางในที่ต้องการ รดน้ำ โดยไม่ต้องใช้ ผืนดิน หรือกระถาง
 ภาพที่ 8  ที่โกนหนวด มันไม่ต่างกับที่โกนหนวด สำเร็จรูปทั่วไปเท่าไร เพียงแต่ ด้ามจับทำมาจาก ภาชนะถ้วยพลาสติกบรรจุโยเกิร์ต ที่ใช้แล้ว เป็นการ รีไซเคิลพลาสติก
ภาพที่ 9 กระเป๋าซิป ใส่เครื่องสำอางค์ ทำจากกล่องน้ำผลไม้ที่ใช้แล้ว ความสดชื่น สีสัน น่ารัก สดใสของฉลากบรรจุภัณฑ์น้ำผลไม้   ทำให้เข้ากับการใส่เครื่องสำอางของสุภาพสตรี
ภาพที่ 10 กอริลา Laptop Charge ที่ชาร์ตแบตเตอรี่ จากพลังงานแสงอาทิตย์ มี ถึง2 แผง ให้พลัง 10 วัตต์ สามารถชาร์ต อุปกรณ์อื่นๆได้ เช่น โทรศัพท์ เครื่องเล่น mp3  ipod ฯ

               3.การสื่อความหมาย (Association)  นักออกแบบได้เสนอแนวคิดในการออกแบบผลิตภัณฑ์ Eco Design  เป็น 4  ลักษณะ ประกอบด้วย      1)  การเน้นด้านประโยชน์ใช้สอย ของผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง   มีความปลอดภัย เป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน   และมีคุณค่าในการเป็นส่วนร่วมในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม      2)  การเน้นคุณค่าของวัสดุที่มาจากธรรมชาติ  วัสดุในท้องถิ่นเพื่อลดพลังงานในการเคลื่อนย้าย    และการใช้วัสดุจากการ Recycle3)  ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สนองตอบวิถีของคนในเมือง  สร้างภาพลักษณ์ ให้ผลิตภัณฑ์ Eco Design สำหรับคนที่มีชีวิตทันสมัย     เป็นผู้นำแฟชั่น   4)   ความง่าย ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนในการใช้งาน     และการหาซื้อผลิตภัณฑ์     
                โดยทั้ง 4 ประการที่กล่าวมาต้องการให้เกิดพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์ Eco Design  ที่มีความพึงพอใจในประโยชน์    และคุณค่าของผลิตภัณฑ์ของการอนุรักษ์ธรรมชาติ  และสิ่งแวดล้อม ช่วยลดภาวะโลกร้อน   จนขยายวงกว้างไปเป็นความภักดีในตัวผลิตภัณฑ์   และร่วมเป็นครอบครัวรักษ์สิ่งแวดล้อม
ภาพที่ 11 Solar charger ที่ชาร์จ iPod และโทรศัพท์มือถือพลังแสงอาทิตย์ มี 2 สี  สี ขาว และสีเงิน
ภาพที่ 12 ของเล่นจากกระดาษแข็ง เป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถให้เด็กใช้ความสามารถในการสร้าง หรือพับ  สร้างขึ้นมาเอง เป็นการเสริมทักษะการสังเกต และใช้ความคิดด้วย
               4.สุนทรีย์ ความงาม Aesthetic  ผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ Eco Design   นี้มีความพิถีพิถันในด้านของรูปทรง วัสดุที่ใช้และสีสัน เน้นการผสมผสานรูปแบบระหว่าง  รูปทรงที่คล้อยตามประโยชน์ใช้สอย (Form  follows  function)   กับ ความเรียบง่ายตามอิทธิพลของ Minimalist  ซึ่งมีเหตุผล 2 ประการ   เป็นเหตุผลในกรรมวิธีผลิตที่ต้องการลดกระบวนการ  และความซับซ้อนเป็นการประหยัดพลังงาน ซึ่งผลิตภัณฑ์ Eco Design   จะต้องมีความตระหนักตั้งแต่การผลิต ถือเป็นเรื่องการนำเสนอเหตุผลความเป็นจริง (Rational appeal) ให้คุณค่าความสำคัญทางจิตใจ ของหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์  Eco Design   อีกประการคือรูปทรงเรียบง่ายจะช่วยผู้บริโภคผ่อนคลายจากความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวัน  สอดคล้องกับแนวทางของนักออกแบบ และสถาปนิกชื่อดังในอดีตคือ  Mies van der Rohe (TTIS Textile digest ,2550เว็บไซต์)    ที่กล่าวว่า  
 “Less is more”       หมายถึง การคิดให้มาก   และเหลือให้น้อย  คือผลิตภัณฑ์ที่มีความเด่น มีประสิทธิภาพสูง ภายใต้รูปลักษณ์ที่ความเรียบง่าย นั่นเอง
            5.วิธีการ Method    วัสดุ กระบวนการผลิตของผลิตภัณฑ์ Eco Design   จะครอบคลุมวงจรผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแบ่งให้ชัดเจน  คือ ใช้หลัก 4 Rในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน   การวางแผนการผลิต (Planning Phase)  เรื่อยจนถึง ช่วงการนำไปใช้ (Usage Phase)

ภาพที่ 13  ที่ให้น้ำ ต้นไม้ ใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิล ติดตั้งง่าย สะดวกมีระบบรดน้ำหยดตลอด 24 ชม. ควบคุมการไหลของน้ำโดยไม่ต้องพึ่ง ไฟฟ้า หรือระบบน้ำประปา คล้ายกาลักน้ำ น้ำจะหยดลงลึกถึงราก 
 ภาพที่ 14   โต๊ะเก้าอี้ชุดสำนักงานสำนักงาน จากกระดาษ Eco Desk เป็นนวัตกรรม จากกระดาษรีไซเคิล100% Paperweight มีความเงางาม สีขาว สะอาด  ออกแบบระบบการจัดการสายไฟฟ้าและสามารถประกอบในเพียงไม่กี่นาที
                  6.การใช้งาน Use ผลิตภัณฑ์ Eco Design  ได้ออกแบบมาเพื่อ เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนทั่วๆไป  ทั้งใช้ภายในในบ้าน      ห้องนอน ห้องรับแขก  ห้องครัว  ห้องน้ำ   สวนบริเวณ   ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก  เครื่องกีฬา     อุปกรณ์สำนักงาน     อุปกรณ์ที่พกติดตัว   เครื่องใช้ไฟฟ้า    เป็นต้น ฯลฯ     ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ออกแบบมาให้สามารถ มีการใช้งานที่เหมือนๆ  ผลิตภัณฑ์ทั่วๆไป    ที่ผู้บริโภคเคยใช้มา     โดยผู้บริโภคไม่ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่  

  
ภาพที่ 15   Solar Camp เป็นถุงฝักบัว รับแสงอาทิตย์ Sunncampน้ำหนักเบาแพ็คเดินทางได้   จะใช้น้ำอุ่นโดยการกรอกด้วยน้ำธรรมดา น้ำให้ถุงถูกแดดเป็นเวลา 3 ชั่วโมง    เวลาใช้ก็นำถุงมาแขวนขึ้นไป จะมีฝักบัวประกอบอยู่ท้าย       คุณก็สามารถ ที่จะอาบน้ำอุ่นได้ ในยามเดินทาง พักแรม
ภาพที่ 16    ของเล่น Kit  เรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์กับสนุกเปลี่ยนหุ่นยนต์นี้
นี้มาก ด้วยพลัง แสงอาทิตย์   สามารถสร้างจินตนาการ ใช้ง่าย, สนุกให้ชุดหุ่นยนต์ที่แปลงเป็นของเล่นขับเคลื่อนที่แตกต่างได้ 6 แบบ ใน 1 เดียว   ทั้งกังหันลม   ลูกสุนัขหรือเรือ ทั้งได้ศึกษาทั้งสนุก ไปกับพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับเด็กและผู้ใหญ่
ภาพที่ 17 Solar Robot Kit Minicarรถหุ่นยนต์อย่างง่าย ใช้พลังแสงอาทิตย์ขับเคลื่อน มาในชุดรถเคลื่อนที่ได้ เมื่อดวงอาทิตย์ส่องบนของแผงเซลล์แสงอาทิตย์
ภาพที่ 18    'Polywrap' ถังขยะทิ้งกระดาษ  สีสันสดใส, ทำความสะอาดง่ายทำจากพลาสตืกแผ่นเดียว เป็นแผ่นคลี่ พับขึ้นรูปเองได้ 

ภาพที่ 19   Ben Bin โครงรับถุงใส่ขยะ     ด้วยการใช้ถุง ช๊อปปิ้ง ที่มีเกลื่อนกลาดเต็มบ้าน รีไซเคิล   ด้วยการใช้ซ้ำ   เป็นถุงใส่ขยะ  ในครัวเรือนหรือสำนักงาน
 ภาพที่ 20  เก้าอี้โยก รีไซเคิลจากเก้าอี้ในโรงภาพยนตร์ และที่นั่งโรงละครโรงภาพยนตร์ที่มีการปรับปรุงใหม่ใช้สีแบบ superhero ในแต่ละชิ้น  ให้ความสวยงาม แบบของศิลปะ
--------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
กรณีศึกษาตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ ECO Design   ท้องตลาดที่นำภาพมาเสนอ
          เป็นภาพตัวอย่างงาน ผลิตภัณฑ์ที่มีผลิตขึ้นมาขายในยุโรปขายดีมาก อยากจะแนะนำให้ เพื่อเป็นที่เข้าใจ  ของอ้างอิงจาก เว็บไซต์ http://www.nigelsecostore.com/blog/  ซึ่งมีผลิตภัณฑ์กว่าร้อยชนิด

เครดิต http://www.gotoknow.org/posts/388729

7 ตัวอย่างการออกแบบผลิตภัณฑ์ตรงใจผู้ใช้งาน

July 19, 2012

เรื่อง : ธีรพิชญ์ สืบวงศ์ลี
เมื่อธุรกิจเริ่มมีคู่แข่งมากขึ้น ความยากในการขายสินค้าของแต่ละแบรนด์ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ธุรกิจเจ้าใหญ่หลายแบรนด์จึงต้องคิดค้นวิธีที่จะชนะคู่แข่งโดยหันไปใส่ใจให้น้ำหนักกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) ให้มากขึ้น วันนี้ TCDC จึงนำเสนอ 7 ตัวอย่างการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่เชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์กับการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ เพราะความต้องการของผู้ใช้นี่เองจะเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้ผู้ใช้เลือกสินค้าแบรนด์เราเป็นแบรนด์โปรด และทำให้แบรนด์เรามีความโดดเด่นกับแบรนด์อื่นได้อย่างง่ายดาย

1. Macbook Air ออกแบบโดย Appleหลายๆ คนอาจจะเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้แล้ว Macbook Air ขนาด 13 นิ้ว ที่มีส่วนที่บางที่สุดเพียง 3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียงแค่ 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น แต่คุณรู้ไหม Apple สร้างคอมพิวเตอร์เครื่องนี้อย่างไร? ด้วยนวัตกรรมใหม่ของ Apple ที่สร้างแหล่งเก็บข้อมูลหรือ flash storage ที่มีความหนาน้อยกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จึงจำเป็นต้องสร้าง Product Design ที่แตกต่างหากจาก Macbook Pro ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด การที่ Apple ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ตัวนี้ขึ้นมา เพราะต้องการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่มีน้ำหนักเบาและพกพาไปไหนมาไหนได้ง่ายขึ้น
2. Newport Capo for G7th ออกแบบโดย Bluefrog Designหลายๆ คนที่เคยเล่นกีต้าร์มาก่อนคงพอที่จะรู้ว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้คืออะไร แต่สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการเล่นกีต้าร์ Capo คือเครื่องมือที่ช่วยแปลงเสียงของกีต้าร์ให้มีลำดับเสียงที่สูงขึ้น แต่ส่วนมากผู้เล่นกีต้าร์จะไม่นิยมใช้ Capo กันเพราะมันดูน่าเกลียด ทำให้เล่นได้ยากขึ้น และยังทำให้เสียงสูงจนเพี๊ยนด้วยในบางเวลา Bluefrog Design จึงคิดค้น Capo ที่เบาขึ้น รูปร่างสวยงามมากขึ้น และมีขนาดเล็กเล็กลงเพื่อที่จะตอบสนองปัญหาของมือกีต้าร์ทั้งหลาย
3. New Bowl for Alessi ออกแบบโดย Terence Conranนักออกแบบ Terence Conran ผู้ที่ฉลองงานครบรอบวันเกิดของตัวเองด้วยการออกแบบถ้วยเหล็กถ้วยนี้ ซึ่งผลิตขึ้นจากเหล็กกล้า มีความกว้าง 20 เซนติเมตรและความสูง 9.5 เซนติเมตร เพื่อจะทำหน้าที่เก็บความเย็นของอาหารและผลไม้ไว้ในถ้วยได้ยาวนานขึ้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารชื้นและเสียรสชาติไป
4. Jambox[k1] for Jawbone ออกแบบโดย Yves Behar and Jawbone ลำโพงไร้สายตัวนี้เกิดขึ้นจากความต้องการลำโพงที่สามารถส่งเสียงดังสนั่นและสามารถพกพาไปไหนต่อไหนได้สะดวก รวมถึงเชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์ที่บรรจุเพลงโปรดของเราไว้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPodTouch หรือ iPad ได้ Jambox เป็นลำโพงที่ทำจากเหล็กกล้า เชื่อมด้วยท่อยางที่คลุมสี่รอบด้าน เพื่อลดส่วนประกอบอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น ดีไซน์ด้วยความเรียบง่ายนี้ก็ทำให้ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ
5. Quickfix Bicycle Mudguard ออกแบบโดย Full Windsor คนที่ชอบขี่จักรยานโลดโผนบนภูเขาคงเคยมีปัญหาดินโคลนกระเด็นใส่ผู้ขับจากล้อหลัง บริษัท Full Windsor จึงนำปัญหานี้มาสร้างเป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยสร้างที่กันโคลนที่มีประสิทธิภาพดี แถมได้รับการออกแบบมาเพื่อที่จะสามารถล็อคติดกับจักรยานทุกชนิดได้ง่ายๆ และยังผลิตจากวัสดุรีไซเคิลอีกด้วย
6. Bicygnals Angel ออกแบบโดย Gavin Thompson Design 
ในต่างประเทศมีสถิติอุบัติเหตุจักรยานมากที่สุดหลังช่วงเวลาสี่โมงเย็นเป็นต้นไป ซึ่งเป็นเวลาที่มืดค่ำแล้ว นักออกแบบ Gavin Thompson จึงคิดค้นหมวกกันน็อคที่เรืองแสงในที่มืด แบบวงกลม 360 องศา และชาร์ตแบตเตอรี่ผ่าน USB ได้ หมวกกันน็อคตัวนี้จะกระพริบแสงเป็นจังหวะ เพื่อบอกตำแหน่งของคนที่ขี่จักรยานให้คนที่ขับรถยนต์รู้ ผลิตภัณฑ์นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความปลอดภัยของคนที่ขับจักรยานกลับบ้านตอนกลางคืนในต่างประเทศ
7. iPad 2 ออกแบบโดย Apple
อีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ที่ต้องการเครื่องมืออิเล็คโทรนิคที่เบาและสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ด้วยเช่นกัน Apple ออกแบบ iPad 2 ให้มีความบางกว่า iPad รุ่นก่อนหน้าถึง 33 เปอร์เซ็นต์และมีน้ำหนักเบากว่าถึง 15 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังติดกล้องไว้สองด้าน และกล้องถ่ายรูปด้านหลังรองรับการถ่ายแบบความละเอียดสูงอีกด้วย
เครดิตภาพ: http://static.clickbd.com/global/classified/item_img/429531_0_original.jpg
http://www.davisguitar.com/admin/products/photo/Newport.jpg
http://www.epuredesign.co.uk/images/plarge/x/officina-alessi-nice-bowl-terence-conran-23840.jpg
http://unicaworld.com/wp-content/uploads/2011/08/TC01.jpg
http://c648757.r57.cf2.rackcdn.com/tc01.jpg
http://3.bp.blogspot.com/-cTEntf3rC44/TsjZustK-xI/AAAAAAAABpw/B1TpJ3nWOtw/s1600/13846BF352504FACA9098B0360F7B1F1.jpg
http://inhabitat.com/full-windsors-brilliant-quickfix-bike-fender-snaps-onto-any-cycle-in-seconds/windsor-quickfix-recycled-bicycle-fender/
http://www.betterlivingthroughdesign.com/images/full-windsor-bicycle-mudguards02.jpg
http://awards.designweek.co.uk/dw/2012/entry-showcase.html
http://productdd.tarad.com/shop/p/productdd/img-lib/spd_20110419175534_b.jpg
http://blog.lnw.co.th/wp-content/uploads/2011/04/ipad2_surgery.jpg


Read more: http://article.tcdcconnect.com/articles/designweek-uk2012#ixzz2NEYpnQ5J


เครดิต http://article.tcdcconnect.com/articles/designweek-uk2012

รูปแบบการออกแบบผลิตภัณฑ์

          รูปแบบการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Style)มีอยู่มากมาย มีการเกิดขึ้นและพัฒนาต่อเนื่องสม่ำเสมอ บ้างก็อยู่ในกระแสนิยม บ้างก็คลายความนิยม บ้างก็หวนคืนสู่ความนิยมซ้ำตามความสนใจของสังคมในเวลานั้น  บนความหลากหลายในวิถีทางการออกแบบทำให้ผลงานที่เกิดจากแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างกันนั้นถูกสร้างสรรค์และคลี่คลายสืบทอดต่อๆ กันมาตามลำดับ แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้รูปแบบใดก็ล้วนแต่สร้างเงื่อนไขในการผลิตงานออกแบบที่น่าสนใจได้ทั้งสิ้น  ตัวอย่างเช่น

1.   รูปแบบมาก่อนประโยชน์ใช้สอย(Function follows form)

             เป็นวิถีทางการออกแบบที่นิยมความงามของรูปทรงเป็นหลัก  โดยยึดแนวคิดที่ว่าความงามต้องมาก่อนประโยชน์ใช้สอยเสมอ  และมักถูกนำมาใช้อธิบายขั้นตอนในการปฏิบัติการเพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เน้นความงามเป็นหลัก  จุดประสงค์ที่สำคัญก็เพื่อยกระดับคุณค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้น  เพื่อนำไปสู่การเพิ่มราคาสินค้า

             ดังนั้น  การจะเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ได้ดีตามแนวคิดนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการซึมซับความงามจากผลงานศิลปะแขนงต่างๆ ที่มีคุณภาพไว้มากๆ  จะเป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ความงามที่แฝงอยู่ในผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกฎเกณฑ์ใดๆ  ขอให้ยืดหยุ่นตามความรู้สึก

2.   ประโยชน์ใช้สอยมาก่อนรูปแบบ(Form follows function)

             เป็นวิถีทางการออกแบบของหลุยส์  สุลิแวน (Louis  Sulivan)  ที่นิยมประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก (Functionalism)  ภายใต้ปรัชญาที่ว่าประโยชน์ใช้สอยต้องมาก่อนความงามเสมอ  และถูกนำมาใช้อธิบายขั้นตอนในการปฏิบัติการเพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลิตจำนวนมาก  โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบที่สอดคล้องกับการทำงานของเครื่องจักร  การประหยัดวัสดุ ความสะดวกในการใช้งาน การคงคลัง และการขนส่ง เป็นต้น แนวคิดดังกล่าวตรงกันข้ามกับปรัชญาที่มองความงามของรูปทางมาก่อนสิ่งใด

              แนวทางการออกแบบของสถาบันบาวเฮาส์(Bauhaus)ประเทศเยอรมนี  มีลักษณะสอดคล้องกับแนวคิดดังกล่าว  คือให้ความสำคัญด้านประโยชน์ใช้สอย  วัสดุกรรมวิธีการผลิตโดยเครื่องจักรทางอุตสาหกรรม  และการใช้รูปทรงเรขาคณิตอันเรียบง่าย  ปราศจากการตกแต่งประดับประดาเกินความจำเป็น  ยังคงเป็นแบบอย่างของการออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่น่าสนใจ  แนวทางการออกแบบดังกล่าวประกอบด้วยลักษณะสำคัญ  คือ

         รูปทรง  สีสัน  และประโยชน์ใช้สอยเหมาะสมกับสภาพความเป็นไปของสังคม

         ราคาเหมาะสมกับกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ซื้อหรือผู้ใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ

3.   การตลาดมาก่อนออกแบบ  (Design follow marketing)

             วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์จะมีรูปแบบเหมือนปิรามิด  ถือกำเนิดโดยยึดฐานของปิรามิดแล้วพยายามยกระดับตัวเองนั้น  ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพและเอกลักษณ์เฉพาะตัว การยกระดับตัวเองนั้นมักจะทำให้ราคาสูงขึ้นด้วย  ดังนั้นเมื่อผลิตภัณฑ์ใด ๆ  ไต่ระดับขึ้นสู่ยอดปิรามิด  จำเป็นที่ธุรกิจนั้นจะต้องละทิ้งฐานซึ่งเป็นตลาดล่างไป  แต่จะได้ลูกค้าชั้นดีที่มีความมั่นคงและจ่ายเงินดี  ฐานชั้นล่างที่ถูกทิ้งไปก็จะมีผู้อื่นเข้ามายึดครองแทน  กรณีตัวอย่างเช่น นาฬิกาสวิสซึ่งใช้เวลาหลายสิบปีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จนได้ภาพพจน์ว่าเป็นนาฬิกาที่ดีที่สุดในโลก  แต่ต้องสูญเสียฐานการตลาดระดับล่างให้กับนาฬิกาญี่ปุ่นที่เจาะเข้ามายึดตลาดล่างด้วยลูกเล่นใช้สอยพิเศษ เช่น เป็นเครื่องคิดเลข  เป็นปฏิทิน  ฯลฯ  ในที่สุดเมื่อภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ  ผู้ผลิตนาฬิกาสวิสทั้งหลายจึงเริ่มตระหนักว่าการถูกนาฬิกาญี่ปุ่นยึดตลาดล่างไปนั้นก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้มหาศาล  และสูญเสียภาพพจน์ของผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำของโลกไปทีละน้อยอีกด้วย

               การเข้ายึดตลาดในแนวกว้างโดยขยายฐานลูกค้าให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้  จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องกระทำเพื่อรักษาความมั่นคงของธุรกิจไว้  ในกรณีของนิโคลาส ฮาเยก  ผู้พลิกโฉมหน้าใหม่ให้กับนาฬิกาสวิสได้สำเร็จได้ตั้งหลักการของนาฬิกา สวอทซ์(Swatch )ไว้ 3 ข้อที่น่าสนใจ  คือ

               กลุ่มเป้าหมายทั่วไป (Target  Public) การออกแบบของสวอทซ์จะใช้ได้สำหรับทุกๆ  คน ตั้งแต่คุณยายไปจนถึงเจ้าชาย  ต้องมีรูปแบบที่สนองตอบได้หลากหลายและเพียงพอต่อคนทุกระดับชั้น อายุ และอาชีพต่างๆ  กัน

               กลุ่มเป้าหมายระดับสูง (High quality ) การรักษาคุณภาพการออกแบบและการผลิตที่ดีไว้  เพราะเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญของสวอทซ์  กับนาฬิกาญี่ปุ่นอื่นๆ เช่น กันน้ำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

               กลุ่มเป้าหมายระดับล่าง (Low cost ) การออกแบบและการผลิตเน้นไปที่ระบบที่ดีที่สุด  แต่มีต้นทุนต่ำที่สุด ไม่ใช่ผลิตสินค้าราคาถูกแต่เป็นราคาที่สมเหตุสมผล

4.   อารมณ์ความรู้สึกมาก่อนรูปแบบ (Form follows emotion)

             เมื่อเทคโนโลยีมาถึงจุดที่สามารถตอบสนองในด้านการตอบรับต่อประโยชน์ใช้สอยและรูปแบบได้มากขึ้น  คอมพิวเตอร์ชิปมีขนาดเล็กและยืดหยุ่นได้เปิดขอบเขตที่กว้างขึ้นของรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่บรรจุมัน  หรือวัสดุสังเคราะห์ที่ตอบสนองการใช้สอยประเภทต่างๆ  ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น  จนทำให้ปรัชญาการออกแบบปรับเปลี่ยนมาเป็น อารมณ์ความรู้สึกมาก่อนรูปแบบด้วยความเชื่อที่ว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมิได้เพียงต้องการสินค้า  ภาพลักษณ์  หรือสิ่งแวดล้อม  แต่ต้องการคุณค่าของความรื่นรมย์  ประสบการณ์และลักษณะเฉพาะบางอย่าง

             อารมณ์หรือความรู้สึกคือสิ่งสำคัญในชีวิตของคนเราทั่วไป  เพราะเป็นตัวสะท้อนสิ่งที่เรารู้สึก  สิ่งที่เรากระทำและสิ่งที่เราคิด  ผ่านตา  หู  จมูก  ลิ้น  หรือผิวสัมผัส    มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดอารมณ์หรือความรู้สึกได้งรูปแบบน  ่สวอทซ์  กับนาฬิกาญ่าน  แนวคิดดังกล่าวตรงกันข้ามกับปรัชญ  สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดอย่างหนึ่งคือ  ความรู้สึกนั้นไม่ว่าจะในแง่บวกหรือแง่ลบก็ตาม  สามารถเปลี่ยนกระบวนความคิดของเราได้  จนส่งผลถึงการตัดสินใจ  การเลือก  และการกระทำในที่สุด  งานออกแบบที่ดีในปัจจุบันจึงต้องเป็นทั้งสิ่งที่น่าปรารถนา  และก่อให้เกิดความสบายใจ  ความรู้สึกในเชิงบวกนั้นจะทำให้เราสามารถที่จะอดทนอดกลั้นต่อความลำบาก  หรืออุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ  ของการใช้สอยไปได้  เพราะเมื่อคนเราเกิดความพอใจและมีความสบายใจต่อวัตถุหนึ่ง  คนเราก็จะสามารถจินตนาการแก้ไขหาทางออกของการใช้สอยที่ลำบากนั้นได้อย่างยืดหยุ่น  ผ่อนคลาย  เต็มใจ  และเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิมเ็

ดสร้างสรรค์  จนเป็นที่มาของประโยคที่ว่า  "สิ่งของที่มีหน้าตาน่าพึงพอใจมักสามารถใช้สอยไปเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งเปลือกนอกที่สวยงาม  เพราะความงามที่สมบูรณ์ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งยังคงต้องเติมเต็มในส่วนของความมีประโยชน์  ความสามารถในการใช้งาน  และความสามารถในการสื่อสารให้คนเราเข้าใจได้ดีด้วย"

               ผลิตภัณฑ์ที่มีอารมณ์และความรู้สึกแฝงเร้นอยู่ในตัว(Emotional  Product)  สามารถดึงดูดจิตใจของผู้สัมผัสงาน  และก่อเกิดเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความคิดต่อเนื่องที่หลากหลายได้  ลักษณะสำคัญของ  การออกแบบที่เน้นอารมณ์ความรู้สึก  จะคำนึงถึงองค์ประกอบ  3  ประการ  ได้แก่

               การออกแบบที่คำนึงถึงรูปลักษณ์ที่สวยงาม (Visceral design )  ก่อให้เกิดความถูกตาถูกใจ  เมื่อผู้บริโภคได้พบเห็นเป็นครั้งแรก  รูปลักษณ์ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลัน  ที่ส่งผ่านการรับรู้ด้วยตาไปยังสมองส่วนที่เกิดความการรู้สึกตัดสินว่าดีหรือเลว  ปลอดภัยหรืออันตราย  สวยหรือน่าเกลียด  ชอบหรือไม่ชอบ  นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ โดยในบางครั้งการใช้สอยอาจไม่สะดวกนัก  แต่คนบางกลุ่มก็พร้อมที่จะประนีประนอมเพื่อที่จะอยู่ร่วมหรือใช้สอยสิ่งของเหล่านั้นได้อย่างพึงพอใจ

              การออกแบบที่คำนึงถึงพฤติกรรมการใช้สอย (Behavioral  design)  การมีประโยชน์ใช้สอยได้จริง  และก่อให้เกิดความพึงพอใจเมื่อได้ใช้ผลิตภัณฑ์นั้นผ่านประสาทสัมผัสทั้งการมองเห็นและการสัมผัส  ซึ่งพฤติกรรมการใช้สอยนั้นเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายหลังการใช้สอย การคิดวิเคราะห์แบบสมเหตุสมผลจะเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกมากขึ้นนอกเหนือไปจากการรับรู้รูปลักษณ์เมื่อแรกเห็น  โดยความรู้สึกที่ดีนั้นสามารถเกิดได้จาความรู้สึกว่าสามารถควบคุมได้  เข้าใจได้  ใช้งานง่าย  สะดวก  และเหมาะสม  เพราะการใช้งานที่เหมาะสมจะนำไปสู่ความถนัดและความชำนาญได้เร็ว  ทำให้ผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลายและพึงพอใจในการใช้สอยผลิตภัณฑ์นั้นๆ ดังนั้นความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายหลังการใช้สอยจึงเป็นตัวส่งเสริมหรือยับยั้งความรู้สึกประทับใจที่เกิดขึ้นเมื่อแรกเห็นได้

                การออกแบบที่คำนึงถึงปฏิกิริยาตอบสนองจากผู้ใช้ (Reflection design)  คือเมื่อผู้ใช้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์นั้นแล้วจะเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง  เกิดความรู้สึกผูกพันหรือพึงพอใจในประสบการณ์หรือภาพลักษณ์จากผลิตภัณฑ์นั้น  และยังสามารถสื่อให้ผู้ใช้ทราบได้ถึงเอกลักษณ์หรือรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ  ซึ่งภาพลักษณ์นั้นเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดจากการมองเห็นหรือใช้สอยสิ่งของโดยตรง  แต่เกิดจากความคิดย้อนกลับว่าสิ่งของที่เลือกใช้สอยเหล่านั้น  ส่งภาพสะท้อนหรือแสดงภาพลักษณ์ของผู้ที่ใช้ต่อคนภายนอกอย่างไร  ความสำคัญของภาพลักษณ์นี้ไม่ได้มีผลเพียงข้าวของที่มีไว้เพื่อใช้หรือใส่แสดงให้คนภายนอกเห็นเท่านั้น  ยังรวมไปถึงข้าวของบางอย่างที่ใช้แล้วคนอื่นอาจมองไม่เห็น  แต่กลับสร้างความมั่นใจและเติมอารมณ์ความรู้สึกที่ขาดหายไปของผู้ใช้ให้เต็มได้  และเปล่งประกายออกมาสู่สายตาคนภายนอกในที่สุด

5.  รูปแบบนิยมความน้อย (Minimal style)

            เป็นการออกแบบที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดมินิมอลลิสม์ (Minimalist)  คือยิ่งเรียบง่ายก็ยิ่งดูดี  แต่ให้ความสะดวกสบาย  เพราะทุกวันนี้มนุษย์ทำงานหนักมากขึ้น  จึงต้องการผ่อนคลายมากขึ้นเช่นกัน  ยิ่งสิ่งรอบตัวมีความซับซ้อนมากขึ้น  มนุษย์ก็ยิ่งแสวงหาความเรียบง่ายมากขึ้น  เพื่อชุบชีวิตชีวา  สร้างความสดชื่น  และความสนุกสนาน  ความสุขอย่างเรียบง่ายจึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ใฝ่หา

             งานออกแบบในแนวทางนี้สืบเนื่องมาจากความพยายามในการสานต่อแนวทางการออกแบบของสถาปนิกกลุ่มโมเดิร์น คอื  มีส์ วาน เดอ โรห์ (Mies van der Rohe) เจ้าของคำพูด"มีน้อยแต่มีมาก" (Less  is  more)  หรือที่นิยมเรียกกันว่า มินิมอล สไตล์ (Minimal  style)  เป็นงานที่มีความโดดเด่น  เรียบง่ายแต่ชัดเจน  ประกอบด้วยมาตราส่วนที่ถูกต้อง เห็นแล้วทำให้รู้สึกถึงการทดลองใช้วัสดุต่างๆ  กับการผสมผสานกันระหว่างรูปทรงและพื้นที่ว่าง  นับเป็นวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่ที่ผสมผสานดัดแปลงวัฒนธรรมใหม่กับเก่าเข้าด้วยกัน  ไม่ใช่ลักษณะที่รับมาตรง ๆ  ลักษณะสำคัญของรูปแบบ มินิมอล สไตล์ได้แก่

       ลักษณะรูปทรงเด่นชัด  เรียบง่ายตามมาตราส่วน

       มีลักษณะของความง่ายเป็นระบบ

       ไม่มีลักษณะของสัญลักษณ์ปรากฏ  มีแต่ลักษณะของเทคนิคใหม่ๆ  ที่เกิดจากการทดลองทางศิลปะ

6.   รูปแบบอนาคตกาล (Futuristic  Style)

             เป็นการออกแบบที่ไม่เพียงแต่การสร้างสรรค์ผลงานที่มีรูปแบบเรียบเก๋สวยงามอย่างเดียวเท่านั้น  แต่จะต้องเพิ่มความสำคัญทางด้านรูปแบบการทำงานร่วมกันกับเทคโนโลยี  เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการออกแบบและเทคโนโลยีต่างๆ  ที่ใช้ในการผลิตผลงานนั้นๆ เพื่อสนองความต้องการทางใจและปัญญาของมนุษย์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด  เป็นการออกแบบเพื่ออนาคตข้างหน้าโดยพิจารณาวิเคราะห์ข้อมูลที่น่าจะเป็นไปได้สำหรับอนาคตความแตกต่างระหว่างสไตล์กับแฟชั่น

             บ่อยครั้งที่มีผู้เข้าใจว่าสไตล์และแฟชั่นเป็นสิ่งที่คล้ายคลึงกัน  และใช้แทนที่กันได้  แต่ที่จริงแล้วสไตล์และแฟชั่นแตกต่างกัน สไตล์ (Style) เป็นชนิดหรือแบบที่มีลักษณะเฉพาะพิเศษ  ของการสร้างสรรค์หรือการนำเสนอ  อาจเป็นด้านศิลปะการออกแบบฯลฯ  เช่น  นักร้องย่อมมีสไตล์ในการร้องเพลงที่เป็นแบบฉบับเฉพาะพิเศษของเขา  หรือรถยนต์ย่อมมีหลายแบบหลายสไตล์ เช่น  แบบซีดานส์  แบบสเตชั่นวากอน เป็นต้น

             แฟชั่น (Fashion)  คือแบบหรือสไตล์ใด ๆ  ซึ่งเป็นที่ยอมรับและเป็นที่นิยมชมชอบ  แต่สไตล์ทุกสไตล์ไม่จำเป็นจะต้องกลายเป็นแฟชั่นเสมอไป  สิ่งใดที่กลายเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมหรือ "สมัยนิยม" (Fashionable)  จะต้องเป็นที่ยอมรับและนิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง

             แฟชั่นเป็นสิ่งที่มีรากฐานอยู่ในองค์ประกอบของสังคมวิทยาและจิตวิทยา  โดยกฎพื้นฐานแล้วมนุษย์ย่อมจะลอกเลียนแบบ(Conformists) หรือมีแนวโน้มที่จะกระทำตามกัน  แต่ขณะเดียวกันก็ชอบทำแตกต่างจากผู้อื่นบ้างเล็กน้อย  ซึ่งมิใช่ต่อต้านหรือขัดขวาง  เพียงแต่อยากมีลักษณะเป็นตัวของตัวเอง  ในขณะเดียวกันก็ยังนิยมแฟชั่นนั้นอยู่  เพื่อมิให้ถูกกล่าวหาว่าไร้รสนิยม ดังนั้นแฟชั่นจึงให้โอกาสกับบุคคลในการพินิจพิเคราะห์หรือไตร่ตรองในการแสดงออกถึงรสนิยม ความรู้สึกของตนเองได้ด้วย

             อย่างไรก็ตามสไตล์พื้นฐานจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่แฟชั่นจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ(Basic  styles never change,but fashion is always changing ) เนื้อหาสาระของสไตล์หรือแฟชั่นครอบคลุมไว้เพียงหลักการเท่าสั้น  นักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดี  ควรมีการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง  โดยประสานเข้ากับหลักการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้แนวคิดของประโยชน์ใช้สอย วัสดุ หรือรูปแบบของงานออกแบบในทิศทางที่ตอบรับกับพฤติกรรมให้สัมพันธ์กับวิถีการดำรงชีวิต สภาพเศรษฐกิจ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การออกแบบที่ลึกและครอบคลุมประเด็นต่างๆ  ของปัญหาได้มากกว่า ย่อมเกิดประโยชน์ต่อการใช้สอยและสร้างความยั่งยืนให้กับผลิตภัณฑ์ได้ยาวนานกว่า
เครดิต  http://netra.lpru.ac.th/~weta/ch-2/index.html

กรอบการออกแบบ

            การออกแบบ คือ กิจกรรมการแก้ปัญหาเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายหรือจุดประสงค์ที่ตั้งไว้  (Design is  a  goal-directed  problem-solving) เป็นการกระทำของมนุษย์  ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการแจ้งผลเป็นสิ่งใหม่ๆ  มีทั้งที่ออกแบบเพื่อสร้างขึ้นใหม่ให้แตกต่างจากของเดิมหรือปรับปรุงตกแต่งของเดิม  ความสำคัญของออกแบบเป็นขั้นตอนเบื้องต้นที่จะทำให้กระบวนการในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ประสบผลสำเร็จในตลาดและตรงตามเป้าหมาย
งานออกแบบ  คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยการเลือกนำเอาองค์ประกอบมาจัดเรียงให้เกิดรูปทรงใหม่ที่สามารถสนองความต้องการตามจุดประสงค์ของผู้สร้าง  และสามารถผลิตได้ด้วยวัสดุและกรรมวิธีการผลิตที่มีอยู่ในขณะนั้น

รูปลักษณ์และคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์

           รูปลักษณ์  อธิบายถึงคุณสมบัติต่างๆ ของผลิตภัณฑ์หรือลักษณะเด่นที่มองเห็นได้จากภายนอก  ส่วนคุณประโยชน์  คือการรับรู้ทางอารมณ์  เป็นความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์  เช่น  เกิดความสบายใจ  เกิดความเร้าใจ  เกิดความเชื่อมั่น  เกิดความปลอดภัย  เป็นต้น
            ระหว่างรูปลักษณ์และคุณประโยชน์  ผู้บริโภคต้องการอะไรมากกว่ากัน?
            เป็นคำถามที่ไม่อาจได้คำตอบที่ชัดเจน  ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์  จุดประสงค์ของการซื้อ ภูมิหลังของผู้บริโภค และเงื่อนไขอื่นๆ

รูปทรงที่มีอิทธิพลต่อรูปลักษณ์งานออกแบบผลิตภัณฑ์

          การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป  เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ทั้งสิ้น มีทั้งที่ออกแบบสร้างขึ้นใหม่ แตกต่างจากของเดิม  หรือปรับปรุงตกแต่งของเดิม โดยมนุษย์ได้รับอิทธิพลจากรูปทรง  2  แหล่ง  คือ
1.   รูปทรงจากธรรมชาติ (Natural  Form)
             เนื่องจากธรรมชาติมีความสำคัญและอยู่รายล้อมมนุษย์  ทั้งรูปทรงที่เป็นสิ่งมีชีวิต  เช่น  พืช  สัตว์ต่างๆ  และรูปทรงที่ไม่มีชีวิต เช่น กรวด หิน ดิน ทราย หรือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ  เช่น คลื่น ลม แสงแดด ฝนตก ฟ้าร้อง ฯลฯ โดยมนุษย์ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งเหล่านี้ในแง่มุมที่แตกต่างกัน เช่น ความเป็นระเบียบและความสวยงาม (Beauty) ของดอกไม้ป่า ความลงตัวอย่างมีแบบแผน (Order) ในรูปหกเหลี่ยมของรังผึ้ง  ความสุนทรีของลวดลาย (Pattern) ในดอกทานตะวัน เป็นต้น แล้วถ่ายทอดความคิดออกมาในรูปของผลิตภัณฑ์ ที่สามารถตอบสนองคุณประโยชน์ทางการใช้สอยแก่มนุษย์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
2.   รูปทรงที่มนุษย์สร้างขึ้น (Manmade  Form)
             รูปทรงที่มนุษย์สร้างขึ้น  มีอิทธิพลต่องานออกแบบผลิตภัณฑ์  ในอันที่จะก่อให้เกิดความแตกต่างกันของแต่ละกลุ่มชน  เช่น  อาคารบ้านเรือน  สิ่งของเครื่องใช้  ฯลฯ  มักเป็นรูปทรงเรขาคณิต  ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นสากลและเป็นที่รู้จักกันทั่วไป รูปทรงดังกล่าวแบ่งตามวิธีการผลิตได้ 2  ประเภท คือ ประเภทที่สร้างขึ้นด้วยมือหรือเครื่องมือพื้นฐาน (Hand  Tools)  มีลักษณะการใช้งานเฉพาะตามจุดประสงค์ของผู้ออกแบบ  ผลิตได้จำนวนน้อย  รูปทรงมีลักษณะเฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน มีการตกแต่งประดับประดาที่แสดงให้เห็นถึงความชำนาญทางทักษะของช่างฝีมือ  กับประเภทที่สร้างขึ้นด้วยเครื่องจักร (Machine tools) มีรูปทรงที่เหมือนๆ กัน  โดยผลิตออกมาเป็นจำนวนมากจากแม่พิมพ์เดียวกัน  ใช้วัสดุอย่างเดียวกัน  มีทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสามารถใช้ประโยชน์โดยตรงและเป็นชิ้นส่วน

เครดิต http://netra.lpru.ac.th/~weta/ch-2/index.html

นวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์หัตถกรรม

เรวัต สุขสิกาญจน์
นวัตกรรม (Innovation) คำว่า นวัตกรรมมีรากศัพท์มาจากคำว่า “innovare” ในภาษาละตินซึ่งแปลว่า “ทำสิ่งใหม่ขึ้นมา” (สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ,2547) โทมัส ฮิวส์ (Hughes,1987) ให้ความหมายของนวัตกรรมว่า “เป็นการนำเอาวิธีการใหม่มาปฏิบัติหลังจากที่ได้ผ่านการทดลองและได้รับการ พัฒนามาเป็นลำดับแล้วและมีความแตกต่างจากการปฏิบัติเดิมที่เคยปฏิบัติมา” และอีกนิยามหนึ่งของ มอร์ตัน (Morton,1971) กล่าวว่า “นวัตกรรมไม่ใช่การขจัดหรือล้มล้างสิ่งเก่าให้หมดไป แต่จะเป็นการปรับปรุงเสริมแต่งและพัฒนาเพื่อความอยู่รอดของระบบ” เพราะฉะนั้นความหมายโดยรวมของการสร้างนวัตกรรมก็คือ การสร้างความแตกต่าง (Differentiation) จากวิธีการเดิม และผ่านการทดลองทำซ้ำๆ จนเกิดความชำนาญและคิดว่าเป็นผลงานที่สร้างความแปลกใหม่พอสมควร
ผลิตภัณฑ์ หัตถกรรม (Crafts Product) ความหมายของผลิตภัณฑ์หัตถกรรม ผู้ออกแบบและผู้ผลิตมักเป็นคนเดียวกัน และได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์นั้นตั้งแต่เริ่มต้นจนสำเร็จ มักสอดคล้องอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดส่วนตัวเข้าไปในผลงานที่ทำด้วย เช่น สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นฝีมือของชาวบ้าน (Handmade) จุดประสงค์ดั้งเดิมทำขึ้นเพื่อความจำเป็นในการดำรงชีวิต เสน่ห์ของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้อยู่ที่ความไม่เหมือนกันในรายละเอียดของผลงาน แต่ละชิ้น เป็นงานประดิษฐ์ที่ละเอียดอ่อน เครื่องจักรทำได้ยาก
องค์ประกอบของการออก แบบผลิตภัณฑ์หัตถกรรม
1. แสดงคุณค่าของธรรมชาติหรืองานหัตถกรรมอันมีเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมของท้อง ถิ่น อย่างเช่น ความแตกต่างระหว่างภูมิภาคที่มีวัสดุเป็นจุดเด่นไม่เหมือนกัน ภาคเหนือมีกระดาษสา ภาคใต้มีย่านลิเพา เป็นต้น
2. วัสดุและกรรมวิธีการผลิตของท้องถิ่น ผลิตได้จริง โดยใช้ภูมิปัญญาของชาวบ้าน ใช้สอยดีเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น
3. ราคาที่ซื้อได้ ไม่แพง โดยการตัดสินใจน้อย ชอบแล้วซื้อได้เลย ไม่คิดมาก มีหลายราคาให้เลือกตามความเหมาะสม
4. มีความสวยงามและน่าสนใจ รูปแบบแปลกใหม่ สะดุดตา โดยยังสื่อถึงเอกลักษณ์ประจำถิ่นอยู่
5. สะดวกต่อการพกพาขณะเดินทาง ซื้อเป็นของฝาก ขนาดพอเหมาะ บรรจุหีบห่อที่ขนส่งได้สะดวก
นวัตกรรมในการออกแบบ ผลิตภัณฑ์หัตถกรรม (Crafts Product Design Innovation)
การจะสร้างนวัตกรรมในการออกแบบผลิตภัณฑ์หัตถกรรมนั้น จะต้องแสดงให้เห็นถึงการออกแบบและการผลิตที่มีการผสมผสานระหว่างขนบ ธรรมเนียมแบบดั้งเดิมและแบบร่วมสมัย การประดิษฐ์และสร้างสรรค์วัสดุ รูปแบบและกระบวนการผลิตที่สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัว ผลิตภัณฑ์เองและในผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันด้วย ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. การออกแบบ (Design)
ส่วนใหญ่จะใช้หลักการ ทั่วไปที่เป็นพื้นฐานในการออกแบบ
1.1 ความงาม (Artistic & Aesthetic Value)
ขนาดและสัดส่วน (Size & Proportion) เหมาะสมกับประเภทของผลิตภัณฑ์ เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ของที่ระลึกก็ควรจะกะทัดรัด พกพาได้ง่ายเพื่อเป็นของฝาก เป็นต้น
รูป ร่าง รูปทรง (Shape & Form) สร้างความแตกต่างและมีแนวคิดในการออกแบบได้ชัดเจนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โครงสร้าง (Structure) ความแข็งแรงของโครงสร้างซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบที่ออกแบบไว้
สีสัน (Color) สีของวัสดุแบบเดิม สีธรรมชาติ หรือการผสมผสานระหว่างวัสดุ
ลวด ลาย (Pattern) เกิดขึ้นมาจากพื้นผิวของวัสดุ หรือการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่
และ ยังมีรายละเอียดย่อยอีกมากทีเดียวที่ไม่ได้กล่าวไว้ ณ ที่นี้ ขึ้นอยู่กับว่าความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์จะเป็นประเภทใด
1.2 ประโยชน์ใช้สอย (Function Value)
ใช้งานได้ ง่าย สะดวก เหมาะสมกับราคา ประโยชน์มากกว่าหนึ่งก็จะยิ่งได้เปรียบคู่แข่ง เพราะเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ฯลฯ
2. กระบวนการผลิต (Production Process)
2.1 สร้างสรรค์จากตัววัสดุเดิม
โดย การเปลี่ยนแปลงกรรมวิธีการผลิตเทคนิควิธีการ เพื่อสร้างความแตกต่างในรูปลักษณ์ใหม่
2.2 การผสมผสานระหว่างวัสดุต่างชนิด
วัสดุเดิม รูปแบบเดิม กับวัสดุอื่น
แตกต่างทั้งวัสดุเดิม กับวัสดุอื่น
สรุปได้ ว่าการสร้างนวัตกรรมในการออกแบบผลิตภัณฑ์หัตถกรรม ไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวสำหรับผู้ผลิตจนเกินไป ทุกกลุ่มทุกชุมชนสามารถสร้างนวัตกรรมได้ เพียงแค่สร้างความแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่ และการสร้างสรรค์ที่ผสมผสานระหว่างการออกแบบและกรรมวิธีการผลิต แต่ต้องคำนึงถึงที่มาของผลิตภัณฑ์อันแสดงถึงเอกลักษณ์ประจำถิ่น การต่อยอดภูมิปัญญาเดิมที่มีอยู่ การอธิบายได้ถึงที่มาในการสร้างสรรค์ แต่ให้อยู่ในกรอบของสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น อย่าพยายามสร้างสรรค์มากเกินไปจนดูเหมือนบิดเบือนและทำลายความงามของคุณค่า วัสดุเดิม หรือเอกลักษณ์ประจำถิ่น เพียงแค่นี้การสร้างนวัตกรรมให้กับผลิตภัณฑ์หัตถกรรมก็น่าจะประสบผลสำเร็จ ได้ในระดับหนึ่ง
เอกสารอ้างอิง
วัชรินทร์ จรุงจิตสุนทร. 2548. หลักการและแนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์. กรุงเทพฯ:แอ๊ปป้าพริ้นติ้งกรุ๊ป จำกัด.
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ.2547
เครดิต http://www.finearts.cmu.ac.th/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A0

หลักการออกแบบ


หลักการออกแบบผลิตภัณฑ์

การออกแบบมีหลักการพื้นฐาน โดยอาศัยส่วนประกอบขององค์ประกอบศิลป์ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในบทเรียนเรื่อง “ องค์ประกอบศิลป์ ” คือ จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก สี และพื้นผิว นำมาจัดวางเพื่อให้เกิดความสวยงามโดยมีหลักการ ดังนี้

1. ความเป็นหน่วย (Unity)
ในการออกแบบ ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงงานทั้งหมดให้อยู่ในหน่วยงานเดียวกันเป็นกลุ่มก้อน หรือมีความสัมพันธ์กันทั้งหมดของงานนั้นๆ และพิจารณาส่วนย่อยลงไปตามลำดับในส่วนย่อยๆก็คงต้องถือหลักนี้เช่นกัน

2. ความสมดุลหรือความถ่วง (Balancing)
เป็นหลักทั่วๆไปของงานศิลปะที่จะต้องดูความสมดุลของงานนั้นๆ ความรู้สึกทางสมดุลของงานนี้เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในส่วนของความคิดในเรื่องของความงามในสิ่งนั้นๆ มีหลักความสมดุลอยู่ 3 ประการ

2.1 ความสมดุลในลักษณะเท่ากัน (Symmetry Balancing)
คือมีลักษณะเป็นซ้าย-ขวา บน-ล่าง เป็นต้น ความสมดุลในลักษณะนี้ดูและเข้าใจง่าย

2.2 ความสมดุลในลักษณะไม่เท่ากัน (Nonsymmetry Balancing) คือมีลักษณะสมดุลกันในตัวเองไม่จำเป็นจะต้องเท่ากันแต่ดูในด้านความรู้สึกแล้วเกิดความสมดุลกันในตัวลักษณะการสมดุลแบบนี้ผู้ออกแบบจะต้องมีการประลองดูให้แน่ใจในความรู้สึกของผู้พบเห็นด้วยซึ่งเป็นความสมดุลที่เกิดในลักษณะที่แตกต่างกันได้ เช่น ใช้ความสมดุลด้วยผิว (Texture) ด้วยแสง-เงา (Shade) หรือด้วยสี (Colour)

2.3 จุดศูนย์ถ่วง (Gravity Balance) การออกแบบใดๆที่เป็นวัตถุสิ่งของและจะต้องใช้งานการทรงตัวจำเป็นที่ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงจุดศูนย์ถ่วงได้แก่ การไม่โยกเอียงหรือให้ความรู้สึกไม่มั่นคงแข็งแรง ดังนั้นสิ่งใดที่ต้องการจุศูนย์ถ่วงแล้วผู้ออกแบบจะต้องระมัดระวังในสิ่งนี้ให้มาก ตัวอย่างเช่น เก้าอี้จะต้องตั้งตรงยึดมั่นทั้งสี่ขาเท่าๆกัน การทรงตัวของคนถ้ายืน 2 ขา ก็จะต้องมีน้ำหนักลงที่เท้าทั้ง 2 ข้างเท่าๆกัน ถ้ายืนเอียงหรือพิงฝา น้ำหนักตัวก็จะลงเท้าข้างหนึ่งและส่วนหนึ่งจะลงที่หลังพิงฝา รูปปั้นคนในท่าวิ่งจุดศูนย์ถ่วงจะอยู่ที่ใด ผู้ออกแบบจะต้องรู้และวางรูปได้ถูกต้องเรื่องของจุดศูนย์ถ่วงจึงหมายถึงการทรงตัวของวัตถุสิ่งของนั่นเอง

3. ความสัมพันธ์ทางศิลปะ ( Relativity of Arts)
ในเรื่องของศิลปะนั้น เป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณากันหลายขั้นตอนเพราะเป็นเรื่องความรู้สึกที่สัมพันธ์กัน อันได้แก่

3.1 การเน้นหรือจุดสนใจ (Emphasis or CentreofInterest) งานด้านศิลปะผู้ออกแบบจะต้องมีจุดเน้นให้เกิดสิ่งที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น โดยมีข้อบอกกล่าวเป็นความรู้สึกร่วมที่เกิดขึ้นเองจากตัวของศิลปกรรมนั้นๆ ความรู้สึกนี้ผู้ออกแบบจะต้องพยายามให้เกิดขึ้นเหมือนกัน

3.2 จุดสำคัญรอง ( Subordinate)
คงคล้ายกับจุดเน้นนั่นเองแต่มีความสำคัญรองลงไปตามลำดับซึ่งอาจจะเป็นรองส่วนที่ 1ส่วนที่ 2 ก็ได้ ส่วนนี้จะช่วยให้เกิดความลดหลั่นทางผลงานที่แสดง ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงสิ่งนี้ด้วย

3.3 จังหวะ ( Rhythem)
โดยทั่วๆไปสิ่งที่สัมพันธ์กันในสิ่งนั้นๆย่อมมีจังหวะ ระยะหรือความถี่ห่างในตัวมันเองก็ดีหรือสิ่งแวดล้อมที่สัมพันธ์อยู่ก็ดีจะเป็นเส้น สี เงา หรือช่วงจังหวะของการตกแต่ง แสงไฟ ลวดลาย ที่มีความสัมพันธ์กันในที่นั้นเป็นความรู้สึกของผู้พบเห็นหรือผู้ออกแบบจะรู้สึกในความงามนั่นเอง

3.4 ความต่างกัน ( Contrast)
เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้มีการเคลื่อนไหวไม่ซ้ำซากเกินไปหรือเกิดความเบื่อหน่าย จำเจ ในการตกแต่งก็เช่นกัน ปัจจุบันผู้ออกแบบมักจะหาทางให้เกิดความรู้สึกขัดกันต่างกันเช่น เก้าอี้ชุดสมัยใหม่แต่ขณะเดียวกันก็มีเก้าอี้สมัยรัชกาลที่ 5 อยู่ด้วย 1 ตัว เช่นนี้ผู้พบเห็นจะเกิดความรู้สึกแตกต่างกันทำให้เกิดความรู้สึก ไม่ซ้ำซาก รสชาติแตกต่างออกไป

3.5 ความกลมกลืน ( Harmomies)

ความกลมกลืนในที่นี้หมายถึงพิจารณาในส่วนรวมทั้งหมดแม้จะมีบางอย่างที่แตกต่างกันการใช้สีที่ตัดกันหรือการใช้ผิว ใช้เส้นที่ขัดกัน ความรู้สึกส่วนน้อยนี้ไม่ทำให้ส่วนรวมเสียก็ถือว่าเกิดความกลมกลืนกันในส่วนรวม ความกลมกลืนในส่วนรวมนี้ถ้าจะแยกก็ได้แก่ความเน้นไปในส่วนมูลฐานทางศิลปะอันได้แก่ เส้น แสง-เงา รูปทรง ขนาด ผิว สี นั่นเอง

ผลิตภัณฑ์ที่ดีย่อมเกิดมาจากการออกแบบที่ดีในการออกแบบผลิตภัณฑ์ นักออกแบบต้องคำนึงถึงหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นเกณฑ์ในการกำหนดคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่ดีเอาไว้ว่าควรจะมีองค์ประกอบอะไรบ้างแล้วใช้ความคิดสร้างสรรค์ วิธีการต่างๆ ที่ได้กล่าวมาเสนอแนวคิดให้ผลิตภัณฑ์มีความเหมาะสมตามหลักการออกแบบโดยหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่นักออกแบบควรคำนึงนั้นมีอยู่ 9 ประการ คือ

• หน้าที่ใช้สอย ( FUNCTION)

• ความปลอดภัย (SAFETY)

• ความแข็งแรง (CONSTRUCTION)

• ความสะดวกสบายในการใช้ (ERGONOMICS)

• ความสวยงาม (AESTHETIES)

• ราคาพอสมควร (COST)

• การซ่อมแซมง่าย (EASE OF MAINTENANCE)

• วัสดุและการผลิต (MATERIALS AND PRODUCTION)

• การขนส่ง (TRANSPORTATION)



1 หน้าที่ใช้สอย

หน้าที่ใช้สอยถือเป็นหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกที่ต้องคำนึงผลิตภัณฑ์ทุกชนิดต้องมีหน้าที่ใช้สอยถูกต้องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย ผลิตภัณฑ์นั้นถือว่ามีประโยชน์ใช้สอยดี (HIGH FUNCTION) แต่ถ้าหากผลิตภัณฑ์ใดไม่สามารถสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์นั้นก็จะถือว่ามีประโยชน์ใช้สอยไม่ดีเท่าที่ควร (LOW FUNTION)

สำหรับคำว่าประโยชน์ใช้สอยดี (HIGH FUNCTION) นั้น ดลต์ รัตนทัศนีย์ ( 2528 : 1) ได้กล่าวไว้ว่า เพื่อให้ง่ายแก่การเข้าใจขอให้ดูตัวอย่างการออกแบบมีดหั่นผักแม้ว่ามีดหั่นผักจะมีประสิทธิภาพในการหั่นผักให้ขาดได้ตามความต้องการ แต่จะกล่าวว่า มีดนั้นมีประโยชน์ใช้สอยดี (HIGH FUNCTION) ยังไม่ได้ จะต้องมีองค์ประกอบอย่างอื่นร่วมอีกเช่น ด้ามจับของมีดนั้นจะต้องมีความโค้งเว้าที่สัมพันธ์กับขนาดของมือผู้ใช้ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดความสะดวกสบายในการหั่นผักด้วย และภายหลังจากการใช้งานแล้วยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย การเก็บและบำรุงรักษาจะต้องง่ายสะดวกด้วย ประโยชน์ใช้สอยของมีดจึงจะครบถ้วนและสมบูรณ์

เรื่องหน้าที่ใช้สอยนับว่าเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนซับซ้อนมาก ผลิตภัณฑ์บางอย่างมีประโยชน์ใช้สอยตามที่ผู้คนทั่วๆ ไปทราบเบื้องต้นว่า มีหน้าที่ใช้สอยแบบนี้ แต่ความละเอียดอ่อนที่นักออกแบบได้คิดออกมานั้นได้ตอบสนองความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ เช่น มีดในครัวมีหน้าที่หลักคือใช้ความคมช่วยในการหั่น สับ แต่เราจะเห็นได้ว่ามีการออกแบบมีดที่ใช้ในครัวอยู่มากมายหลายแบบหลายชนิดตามความละเอียดในการใช้ประโยชน์เป็นการเฉพาะที่แตกต่างเช่น มีดสำหรับปอกผลไม้ มีดแล่เนื้อสัตว์ มีดสับกระดูก มีดบะช่อ มีดหั่นผัก เป็นต้น ซึ่งก็ได้มีการออกแบบลักษณะแตกต่างกันออกไปตามการใช้งาน ถ้าหากมีการใช้มีดอยู่ชนิดเดียวแล้วใช้กันทุกอย่างตั้งแต่แล่เนื้อ สับบะช่อ สับกระดูก หั่นผัก ก็อาจจะใช้ได้ แต่จะไม่ได้ความสะดวกเท่าที่ควร หรืออาจได้รับอุบัติเหตุขณะที่ใช้ได้ เพราะไม่ใช่ประโยชน์ใช้สอยที่ได้รับการออกแบบมาให้ใช้เป็นการเฉพาะอย่าง

การออกแบบเก้าอี้ก็เหมือนกัน หน้าที่ใช้สอยเบื้องต้นของเก้าอี้ คือใช้สำหรับนั่ง แต่นั่งในกิจกรรมใดนั่งในห้องรับแขก ขนาดลักษณะรูปแบบเก้าอี้ก็เป็นความสะดวกในการนั่งรับแขก พูดคุยกัน นั่งรับประทานอาหาร ขนาดลักษณะเก้าอี้ก็เป็นความเหมาะสมกับโต๊ะอาหาร นั่งเขียนแบบบนโต๊ะเขียนแบบ เก้าอี้ก็จะมีขนาดลักษะณที่ใช้สำหรับการนั่งทำงานเขียนแบบ ถ้าจะเอาเก้าอี้รับแขกมาใช้นั่งเขียนแบบ ก็คงจะเกิดการเมื่อยล้า ปวดหลัง ปวดคอ แล้วนั่งทำงานได้ไม่นาน ตัวอย่างดังกล่าวต้องการที่จะพูดถึงเรื่องของหน้าที่ใช้สอยของผลิตภัณฑ์ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและละเอียดอ่อนมาก ซึ่งนักออกแบบจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด

2 ความปลอดภัย

สิ่งที่อำนวยประโยชน์ได้มากเพียงใด ย่อมจะมีโทษเพียงนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสะดวกต่างๆ มักจะเกิดจากเครื่องจักรกลและเครื่องใช้ไฟฟ้า การออกแบบควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องแสดงเครื่องหมายไว้ให้ชัดเจนหรือมีคำอธิบายไว้

ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ต้องคำนึงถึงวัสดุที่เป็นพิษเวลาเด็กเอาเข้าปากกัดหรืออม นักออกแบบจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นสำคัญ มีการออกแบบบางอย่าง ต้องใช้เทคนิคที่เรียกว่าแบบธรรมดา แต่คาดไม่ถึงช่วยในการให้ความปลอดภัย เช่น การออกแบบหัวเกลียววาล์ว ถังแก๊ส หรือปุ่มเกลียว ล็อกใบพัดของพัดลม จะมีการทำเกลียวเปิดให้ย้อนศรตรงกันข้ามกับเกลียวทั่วๆ ไป เพื่อความปลอดภัย สำหรับคนที่ไม่ทรายหรือเคยมือไปหมุนเล่นคือ ยิ่งหมุนก็ยิ่งขันแน่น เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้

3 ความแข็งแรง

ผลิตภัณฑ์จะต้องมีความแข็งแรงในตัวของผลิตภัณฑ์หรือโครงสร้างเป็นความเหมาะสมในการที่นักออกแบบรู้จักใช้คุณสมบัติของวัสดุและจำนวน หรือปริมาณของโครงสร้าง ในกรณีที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่จะต้องมีการรับน้ำหนัก เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ต้องเข้าใจหลักโครงสร้างและการรับน้ำหนัก อีกทั้งต้องไม่ทิ้งเรื่องของความสวยงามทางศิลปะ เพราะมีปัญหาว่า ถ้าใช้โครงสร้างให้มากเพื่อความแข็งแรง จะเกิดสวนทางกับความงาม นักออกแบบจะต้องเป็นผู้ดึงเอาสิ่งสองสิ่งนี้เข้ามาอยู่ในความพอดีให้ได้

ส่วนความแข็งแรงของตัวผลิตภัณฑ์เองนั้นก็ขึ้นอยู่ที่การออกแบบรูปร่างและการเลือกใช้วัสดุ และประกอบกับการศึกษาข้อมูลการใช้ผลิตภัณฑ์ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องรับน้ำหนักหรือกระทบกระแทกอะไรหรือไม่ในขณะใช้งานก็คงต้องทดลองประกอบการออกแบบไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ความแข็งแรงของโครงสร้างหรือตัวผลิตภัณฑ์ นอกจากเลือกใช้ประเภทของวัสดุ โครงสร้างที่เหมาะสมแล้วยังต้องคำนึงถึงความประหยัดควบคู่กันไปด้วย

4 ความสะดวกสบายในการใช้

นักออกแบบต้องศึกษาวิชากายวิภาคเชิงกลเกี่ยวกับสัดส่วน ขนาด และขีดจำกัดที่เหมาะสมสำหรับอวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายของมนุษย์ทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งจะประกอบด้วยความรู้ทางด้านขนาดสัดส่วนมนุษย์ (ANTHROPOMETRY) ด้านสรีรศาสตร์ (PHYSIOLOGY) จะทำให้ทราบ ขีดจำกัด ความสามารถของอวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ เพื่อใช้ประกอบการออกแบบ หรือศึกษาด้านจิตวิทยา (PSYCHOLOGY) ซึ่งความรู้ในด้านต่างๆ ที่กล่าวมานี้ จะทำให้นักออกแบบ ออกแบบและกำหนดขนาด (DIMENSIONS) ส่วนโค้ง ส่วนเว้า ส่วนตรง ส่วนแคบของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างพอเหมาะกับร่างกายหรืออวัยวะของมนุษย์ที่ใช้ ก็จะเกิดความสะดวกสบายในการใช้การไม่เมื่อยมือหรือเกิดการล้าในขณะที่ใช้ไปนานๆ ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาวิชาดังกล่าว ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้ต้องใช้อวัยวะร่างกายไปสัมผัสเป็นเวลานาน เช่น เก้าอี้ ด้าม เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ การออกแบบภายในห้องโดยสารรถยนต์ ที่มือจับรถจักรยาน ปุ่มสัมผัสต่างๆ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ที่ยกตัวอย่างมานี้ถ้าผู้ใช้ผู้ใดได้เคยใช้มาแล้วเกิดความไม่สบายร่างกายขึ้น ก็แสดงว่าศึกษากายวิภาคเชิงกลไม่ดีพอแต่ทั้งนี้ก็ต้องศึกษาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้ดีก่อน จะไปเหมาว่าผลิตภัณฑ์นั้นไม่ดี เพราะผลิตภัณฑ์บางชนิดผลิตมาจากประเทศตะวันตก ซึ่งออกแบบโดยใช้มาตรฐานผู้ใช้ของชาวตะวันตก ที่มีรูปร่างใหญ่โตกว่าชาวเอเชีย เมื่อชาวเอเชียนำมาใช้อาจจะไม่พอดีหรือหลวม ไม่สะดวกในการใช้งาน นักออกแบบจึงจำเป็นต้องศึกษาสัดส่วนร่างกายของชนชาติหรือเผ่าพันธุ์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เป็นเกณฑ์

5 ความสวยงาม

ผลิตภัณฑ์ในยุคปัจจุบันนี้ความสวยงามนับว่ามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหน้าที่ใช้สอยเลย ความสวยงามจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อเพราะประทับใจ ส่วนหน้าที่ใช้สอยจะดีหรือไม่ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งคือใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะเกิดข้อบกพร่องในหน้าที่ใช้สอยให้เห็นภายหลัง ผลิตภัณฑ์บางอย่างความสวยงามก็คือ หน้าที่ใช้สอยนั่นเอง เช่น ผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก ของโชว์ตกแต่งต่างๆ ซึ่งผู้ซื้อเกิดความประทับใจในความสวยงามของผลิตภัณฑ์ ความสวยงามจะเกิดมาจากสิ่งสองสิ่งด้วยกันคือ รูปร่าง (FORM) และสี (COLOR) การกำหนดรูปร่างและสี ในงานออกแบบผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนกับการกำหนด รูปร่าง สี ได้ตามความนึกคิดของจิตรกรที่ต้องการ แต่ในงานออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นในลักษณะศิลปะอุตสาหกรรมจะทำตามความชอบ ความรู้สึกนึกคิดของนักออกแบบแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้จำเป็นต้องยึดข้อมูลและกฎเกณฑ์ผสมผสานรูปร่างและสีสันให้เหมาะสม

ด้วยเหตุของความสำคัญของรูปร่างและสีที่มีผลต่อผลิตภัณฑ์ นักออกแบบจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาวิชา ทฤษฏีหรือหลีกการออกแบบและวิชาทฤษฏีสี ซึ่งเป็นวิชาทางด้านของศิลปะแล้วนำมาประยุกต์ผสานใช้กับศิลปะทางด้านอุตสาหกรรมให้เกิดความกลมกลืน

6 ราคาพอสมควร

ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาขายนั้นย่อมต้องมีข้อมูลด้านผู้บริโภคและการตลาดที่ได้ค้นคว้าและสำรวจแล้ว ผลิตภัณฑ์ย่อมจะต้องมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้ว่าเป็นคนกลุ่มใด อาชีพฐานะเป็นอย่างไร มีความต้องการใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์นี้เพียงใด นักออกแบบก็จะเป็นผู้กำหนดแบบผลิตภัณฑ์ ประมาณราคาขายให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่จะซื้อได้การจะได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเหมาะสมกับผู้ซื้อนั้น ก็อยู่ที่การเลือกใช้ชนิดหรือเกรดของวัสดุ และเลือกวิธีการผลิตที่ง่ายรวดเร็ว เหมาะสม

อย่างไรก็ดี ถ้าประมาณการออกมาแล้ว ปรากฏว่า ราคาค่อนข้างจะสูงกว่าที่กำหนดไว้ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาองค์ประกอบด้านต่างๆ กันใหม่ แต่ก็ยังต้องคงไว้ซึ่งคุณค่าของผลิตภัณฑ์นั้น เรียกว่าเป็นวิธีการลดค่าใช้จ่าย

7 การซ่อมแซมง่าย

หลักการนี้คงจะใช้กับผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกล เครื่องยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีกลไกภายในซับซ้อน อะไหล่บางชิ้นย่อมต้องมีการเสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งานหรือการใช้งานในทางที่ผิด นักออกแบบย่อมที่จะต้องศึกษาถึงตำแหน่งในการจัดวางกลไกแต่ละชิ้นตลอดจนนอตสกรู เพื่อที่จะได้ออกแบบส่วนของฝาครอบบริเวณต่างๆ ให้สะดวก ในการถอดซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ง่าย

8 วัสดุและวิธีการผลิต

ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ผลิตด้วยวัสดุสังเคราะห์ อาจมีกรรมวิธีการเลือกใช้วัสดุและวิธีผลิตได้หลายแบบ แต่แบบหรือวิธีใดถึงจะเหมาะสมที่สุด ที่จะไม่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าที่ประมาณ ฉะนั้น นักออกแบบคงจะต้องศึกษาเรื่องวัสดุและวิธีผลิตให้ลึกซึ้ง โดยเฉพาะวัสดุจำพวกพลาสติกในแต่ละชนิด จะมีคุณสมบัติทางกายภาพที่ต่างกันออกไป เช่น มีความใส ทนความร้อน ผิวมันวาว ทนกรดด่างได้ดี ไม่ลื่น เป็นต้น ก็ต้องเลือกให้คุณสมบัติดังกล่าวให้เหมาะสมกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่พึงมียิ่งในยุคสมัยนี้ มีการรณรงค์ช่วยกันพิทักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุที่นำกลับหมุนเวียนมาใช้ใหม่ ก็ยิ่งทำให้นักออกแบบย่อมต้องมีบทบาทเพิ่มขึ้นอีกคือ เป็นผู้ช่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยการเลือกใช้วัสดุที่หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ ที่เรียกว่า รีไซเคิล

9 การขนส่ง

นักออกแบบต้องคำนึงถึงการประหยัดค่าขนส่ง การขนส่งสะดวกหรือไม่ ระยะใกล้หรือระยะไกลกินเนื้อที่ในการขนส่งมากน้อยเพียงใด การขนส่งทางบกทางน้ำหรือทางอากาศต้องทำการบรรจุหีบห่ออย่างไร ถึงจะทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่เกิดการเสียหายชำรุด ขนาดของตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกสินค้าหรือเนื้อที่ที่ใช้ในการขนส่งมีขนาด กว้าง ยาว สูง เท่าไหร่ เป็นต้น หรือในกรณีที่ผลิตภัณฑ์ที่ทำการออกแบบมีขนาดใหญ่โตยาวมาก เช่น เตียง หรือพัดลมแบบตั้งพื้น นักออกแบบก็ควรที่จะคำนึงถึงเรื่องการขนส่ง ตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบกันเลย คือ ออกแบบให้มีชิ้นส่วน สามารถถอดประกอบได้ง่าย สะดวก เพื่อทำให้หีบห่อมีขนาดเล็กสุดสามารถบรรจุได้ในลังที่เป็นขนาดมาตรฐาน เพื่อการประหยัดค่าขนส่ง เมื่อผู้ซื้อซื้อไปก็สามารถที่จะขนส่งได้ด้วยตนเองนำกลับไปบ้านก็สามารถประกอบชิ้นส่วนให้เข้ารูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้โดยสะดวกด้วยตนเอง

เรื่องหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้กล่าวมาทั้ง 9 ข้อนี้เป็นหลักการที่นักออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องคำนึงถึงเป็นหลักการทางสากลที่ได้กล่าวไว้ในขอบเขตอย่างกว้าง ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ไว้ทั่วทุกกลุ่มทุกประเภทในผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดนั้น อาจจะไม่ต้องคำนึงหลักการดังกล่าวครบทุกข้อก็ได้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์บางชนิดก็อาจจะต้องคำนึงถึงหลักการดังกล่าวครบถ้วนทุกข้อ เช่น ออกแบบผลิตภัณฑ์ไว้แขวนเสื้อ ก็คงจะเน้นหลักการด้านประโยชน์ใช้สอย ความสะดวกในการใช้และความสวยงามเป็นหลัก คงจะไม่ต้องไปคำนึงถึงด้านการซ่อมแซม เพราะไม่มีกลไกซับซ้อนอะไร หรือการขนส่ง เพราะขนาดจำกัดตามประโยชน์ใช้สอยบังคับ เป็นต้น ในขณะที่ผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น ออกแบบผลิตภัณฑ์รถยนต์ ก็จำเป็นที่นักออกแบบจะต้องคำนึงถึงหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ครบทั้ง 9 ข้อ เป็นต้น

เครดิต  http://advertising.clickingme.com/index.php/2009-11-17-17-31-26/48-2009-12-03-14-14-48

แปรงลบกระดาน อเนกประสงค์

แปรงลบกระดานธรรมดาๆ ทั่วไปทำได้เพียงลบกระดานเท่านั้น แต่ในสมัยนี้ที่ต้องการความรวดเร็วทั่งเทศโนโลยีอินเทอร์เน็ตและอินเทอร์เน็ตไร้สาย สามารถรองรับความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆวัน ทำให้การเรียนรู้ด้วยกระดานดำหรือไวด์บอร์ดเริ่มลดน้อยลงจึงมีการคิดค้นออกแบบแปรงลบกระดานแบบต่างๆมาตอบสนองความต้องการที่มากขึ้น 

ผมขอนำเสนอ แปรงลบกระดาน อเนกประสงค์



ที่สามารถเก็บปากกาเมจิกหรือปากกาไวด์บอร์ดได้
เครดิต พี ยว